5.2.52

Valentine's Day History

There are varying opinions as to the origin of Valentine's Day. Some experts state that it originated from St. Valentine, a Roman who was martyred for refusing to give up Christianity. He died on February 14, 269 A.D., the same day that had been devoted to love lotteries. Legend also says that St. Valentine left a farewell note for the jailer's daughter, who had become his friend, and signed it "From Your Valentine". Other aspects of the story say that Saint Valentine served as a priest at the temple during the reign of Emperor Claudius. Claudius then had Valentine jailed for defying him. In 496 A.D. Pope Gelasius set aside February 14 to honour St. Valentine.
Gradually, February 14 became the date for exchanging love messages and St. Valentine became the patron saint of lovers. The date was marked by sending poems and simple gifts such as flowers. There was often a social gathering or a ball.
In the United States, Miss Esther Howland is given credit for sending the first valentine cards. Commercial valentines were introduced in the 1800's and now the date is very commercialised. The town of Loveland, Colorado, does a large post office business around February 14. The spirit of good continues as valentines are sent out with sentimental verses and children exchange valentine cards at school.

25.1.52

Épiphanie วันที่กษัตรย์ต่างๆมาชื่นชมพระเยซู

L'Épiphanie est une fête chrétienne qui célèbre la présentation de Jésus aux trois Rois mages. Elle a lieu le 6 janvier (ou le premier dimanche après le 1er janvier, comme le mentionnent tous les calendriers publiés en France) . Épiphanie est un mot d'origine grecque, Ἐπιφάνεια Epiphaneia qui signifie « manifestation » ou « apparition » (du verbe φάινω phainô, « se manifester, apparaître, être évident » ). La fête a des sens différents selon les confessions.

13.1.52

ความเป็นมาของหอไอเฟล


หอไอเฟลเป็นหอคอยเหล็กตั้งอยู่ที่ Champ de Mars ในกรุงปารีส เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส หอคอยแห่งนี้เป็นเสมือนสัญญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในสิ่งปลูกสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกหอคอยแห่งนี้ถูกตั้งชื่อตามผู้ออกแบบคือ Gustave Eiffel ทำการสร้างในระหว่างปี 1887-1889 น้ำหนักของหอไอเฟลคือ 7300 ตัน ยอดของหอคอยสามารถเบนออกจากแสงอาทิตย์ที่ส่องมายังยอดหอคอยถึง 18 เซ็นติเมตร (7นิ้ว) ทั้งนี้ขึ้นอยูกับอุณหภูมิของเหล็กด้านที่หันหน้าเข้าสู่แสงอาทตย์ซึ่งจะ ขยายตัวเนื่องจากความร้อนที่ได้รับ นอกจากนี้ตัวหอคอยแห่งนี้ยังมีการแกว่งตัวตามแรงลมอีกด้วย โดยการแกว่งตัวอยู่ที่ระดับ 6-7 เซ็นติเมตร (2-3นิ้ว)ในการก่อสร้างหอคอยแห่งนี้ ใช้คนงานก่อสร้างถึง 300 คน เพื่อประกอบเหล็กจำนวน 18038 ชิ้นเข้าด้วยกัน โดยใช้หมุดถึง 2.5 ล้านตัว ความเสียงที่จะเกิดอุบัติเหตุระหว่างการก่อสร้างสูงมาก เนื่องจากหอไอเฟลแตกต่างจากตึกสูงในปัจจุบันตรงที่เป็นหอเปลือย ไม่มีจำนวนชั้น อย่างไรก็ตามมีการเตรียมตัวรักษาความปลอดภัยในการก่อสร้างอย่างเต็มที่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการก่อสร้างเพียงคนเดียวเท่านั้นในระหว่างการก่อสร้าง หอไอเฟลถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงรูปร่างของหอคอย Gustave Eiffel ถูกกล่าวหาว่าพยายามสร้างงานศิลปะที่ดูแล้วไม่มีศิลปะ การก่อสร้างให้หอคอยแกว่งตัวได้ไม่คำนึงถึงหลักวิศวกรรมศาสตร์อย่างไรก็ตาม Gustave Eiffel ซึ่งมีชื่อเสียงมาจากงานก่อสร้างสะพาน กลับเป็นผู้ที่เข้าใจความสำคัญของแรงลม และเป็นผู้ที่รู้ว่าการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดในโลก(ในขณะนั้น) จะต้องแน่ใจว่ามันต้องต้านทานลมได้ในตอนต้นศตวรรษที่ 20 หอไอเฟลถูกใช้เป็นศูนย์รับส่งสัญญานวิทยุ เมื่อปี 1909 ศูนย์วิทยุถูกก่อสร้างขึ้นอย่างถาวรที่หอไอเฟล และยังปรากฎให้เห็นในปัจจุบัน


14.8.51

Une civilisation sauvée des eaux

Deux cités antiques englouties sous les eaux de la Méditerranée et datant probablement du VIe siècle avant J.-C., ont été découvertes le 3 juin 2000 près d’Alexandrie, en Egypte, par l’équipe du Français Franck Goddio.
C’est dans la baie d’Aboukir que pas moins de trente-cinq archéologues, dont huit de nationalité égyptienne, et des plongeurs, ont fait ressurgir des eaux les villes d’Héraklion et de Ménouthis. En parfait état de conservation, ces deux cités pourraient recéler des informations sur les modes de vie des populations au temps des Pharaons. En effet, Héraklion, riche ville douanière, représentait une porte maritime pour l’Egypte ancienne et Ménouhis était considérée comme une cité sacrée vouée à la déesse Isis.
Menées par l’Institut européen d’archéologie sous-marine de Franck Goddio [
1], ces recherches ont pu bénéficier de moyens logistiques et techniques extrêmement puissants mis à disposition par le Commissariat à l’énergie atomique français (CEA).
Après plus d’un millénaire passé au fond des eaux, à environ six mètres de profondeur, des sphinx, des têtes de pharaons, une extraordinaire statue d’Isis, des céramiques et des monnaies, des stèles gravées de hiéroglyphes, des temples et des habitations, ont ainsi été tirés de l’oubli pour livrer leurs secrets sur des villes, dont l’existence n’était attestée que par des textes anciens.
Placées sous la direction des autorités archéologiques égyptiennes, ces fouilles pourraient bien ouvrir la voie à de nouvelles explorations.

6.7.51

เตรียมความพร้อมก่อนAdmission

นำร่อง GAT ก่อนแอดมิด 53
สทศ.ร่วมกับ อธิการบดี มน. และประธานแอดมิสชั่นส์ฟอรั่มของ ทปอ. หารือเกี่ยวกับการนำแบบทดสอบความถนัดทั่ว ไป หรือ General Aptitude Test (GAT) ไปใช้ในการสอบคัดเลือกนิสิตในระบบรับตรง ประจำปีการศึกษา 2551 โดยจะเริ่มใช้ที่มน.เป็น แห่งแรกในเดือนตุลาคมนี้ และได้มีข้อตกลงร่วมกันว่า ให้ สทศ.เป็นผู้ดำเนินการผลิตข้อสอบ พิมพ์ข้อสอบ และตรวจข้อสอบ ส่วน มน.จะเป็นผู้ ดำเนินการจัดสอบ
"ในแบบทดสอบ GAT จะเป็น ข้อสอบปรนัย 200 ข้อ จำแนกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ความสามารถในการเขียนเชิงวิเคราะห์ ความสามารถในการคิดเชิงวิเคราะห์ การแก้โจทย์ปัญหา และความสามารถในการสื่อสาร ภาษาอังกฤษ คาดว่าจะผลิตข้อสอบ GAT แล้วเสร็จในเดือน กันยายนนี้ ส่วนมหาวิทยาลัยอื่นๆ หากประสงค์จะร่วมนำร่องใช้แบบทดสอบ GAT ด้วย ทาง สทศ.ก็ยินดีให้ความร่วมมือจัดพิมพ์เพิ่มให้"
การนำร่องสอบ GAT ดังกล่าว ถือเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนจะนำข้อสอบ GAT ไปใช้เป็นองค์ประกอบ หนึ่งในระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือแอดมิสชั่นส์ ในปีการศึกษา 2553 พร้อม กันนั้น สทศ.จะพัฒนาแบบทดสอบความถนัดเฉพาะวิชาชีพควบคู่กันไปด้วย เพื่อเตรียม ความพร้อมนำไปใช้ในปี 2553 ด้วย ซึ่งเบื้องต้นจำแนกออกได้เป็น 11 วิชาชีพ
อาจมีมหาวิทยาลัย รัฐอีก 3 แห่งที่จะร่วมนำร่องใช้แบบทดสอบ GAT ในปี 2551 ด้วย โดยการรับในระบบ รับตรงประมาณร้อยละ 50-70 ของ มน.ในปีการศึกษา 2551 จะคัดเลือก โดยใช้องค์ประกอบ 3 ส่วน ได้แก่ ผลคะแนนเฉลี่ย สะสมในชั้น ม.ปลาย หรือจีพีเอเอ็กซ์ (GPAX) ร้อยละ 20 ผลสอบแบบทดสอบของ สทศ. ใน 5 วิชา ร้อยละ 40 และผลสอบ GAT ร้อยละ 40

8.6.51

Yann Arthus-Bertrand in Bangkok


นิทรรศการ Earth from Above นับว่าเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒน ธรรมระดับโลก มีผู้ชมมาแล้วมากกว่า 120 ล้านคน จาก 110 เมืองทั่ว โลกนับตั้งแต่การจัดนิทรรศการครั้งแรก ซึ่งจัดตามแนวรั้วของสวน Luxembourg กรุงปารีส เมื่อปี 2543 และหนังสือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 24 ภาษาด้วยกัน มียอดขายมากกว่า 3 ล้านเล่ม ห้างสรรพสินค้าเซน และสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศ ไทย จึงมีความยินดีที่จะนำเสนอนิทรรศการอันตระการตานี้แด่ชาว กรุงเทพฯ และผู้มาเยือนทั้งหลาย ซึ่งเมื่อได้ชมแล้วจะไม่มีวันลืมเลือน


Earth from Above เป็นนิทรรศการที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งสารว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน จึงมิใช่เป็นเพียง การแสดงภาพถ่ายอันสวยงาม หากแต่เป็นการนำเสนอ “ภาพสำรวจสภาวะ” ของโลกเรา อันเป็นสื่อการเรียนรู้ ที่จะช่วยให้เราได้เข้าถึงความเป็นจริงของโลกและร่วมกันอนุรักษ์โลกนี้ไว้ นิทรรศการนี้จะมีภาพถ่ายในมุมมอง ที่แปลกใหม่ให้ชมเพิ่มขึ้น Yann Arthus-Bertrand เชื้อเชิญให้พวกเราร่วมเดินทางไปสัมผัสกับความเป็นจริง ของโลก รูปถ่ายทางอากาศของเขาสะท้อนความหลากหลายของธรรมชาติและสีสันแห่งชีวิต รวมทั้งรอยประทับ ของมนุษย์และการล่วงละเมิดต่อสิ่งแวดล้อม โดยทั่วไปภาพประกอบนิทรรศการ Earth from Above เป็นรูปที่ ถ่ายจากเฮลิคอปเตอร์ในระดับความสูงระหว่าง 30 เมตร ถึง 3,000 เมตร และใช้ชั่วโมงบินรวมทั้งหมดถึง 4,000 ชั่วโมง


ในฐานะช่างถ่ายภาพที่เน้นความเป็นจริง Yann Arthus-Bertrand ต้องการสื่อกับชาวโลกทั้งหลายและพลเมืองของทุกประเทศ ให้พวกเขา ได้ระลึกถึงวิวัฒนาการของโลกใบนี้ และความเป็นไปของมนุษยชาติ นิทรรศการนี้ต้องการชี้ให้เห็นว่าไม่เคยมียุคใด ที่ระดับรูปแบบการบริโภค การผลิต และการใช้ทรัพยากรของมนุษย์เราจะอยู่ในสภาพ ที่เสี่ยง ต่อความไม่ยั่งยืนเท่ายุคปัจจุบัน เป็นการสะท้อนก้าวที่สำคัญที่มีทางเลือก คือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนซึ่งจะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลง “ที่จะตอบ สนองความจำเป็นของรุ่นปัจจุบัน โดยไม่ทำลายโอกาสของชนรุ่นหลัง ในการสนองความจำเป็นของพวกเขา” การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้หรือพันธกิจที่เป็นไป เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้น มิได้ขึ้นกับนโยบายของรัฐหรือมหาอำนาจในโลกนี้เพียงฝ่ายเดียว พวกเราต่างคนต่างมีบทบาทเพื่ออนาคตของ โลกร่วมกัน ต่างมีอำนาจและหน้าที่ในการกระทำด้วยตนเอง และผลักดันให้ผู้คนจำนวนมากให้ร่วมกันนำเสนอ การเปลี่ยนแปลงต่อผู้กำหนดนโยบาย
Yann Arthus-Bertrand ถ่ายทอดจิตสำนึกผ่านรูปแบบนิทรรศการนี้เพื่อเตือนสติพวกเรา นิทรรศการ ของเขาเป็นผลแห่งความพากเพียรของการออกสำรวจตั้งแต่ปี 2533 รวมภาพจากร้อยกว่าประเทศที่ได้ไปเยือน เป็นภาพที่คัดสรรจากการถ่ายภาพจำนวนหลายพันรูป เปี่ยมด้วยพลังแห่งอารมณ์และชวนให้ฉุกคิด ผ่านเลนส์ของ Yann Arthus-Bertrand และ ความห่วงใยอนาคตของชนรุ่นหลัง โดยจะมีการปูแผนที่โลกขนาดยักษ์ (จากสถาบันภูมิศาสตร์แห่งประเทศฝรั่งเศส) ไว้บนพื้นบริเวณนิทรรศการ เพื่อช่วยให้ผู้เข้าชมได้ทราบตำแหน่ง ที่มาของภาพถ่าย

ด้วยความตระหนักดีว่าตนมีส่วนสร้างผลกระทบต่อโลก Yann Arthus-Bertrand จึงได้ก่อตั้งสมาคม goodplanet.org โดยเริ่มต้น แก้ไขปัญหาจากตัวเอง และผลักดันให้เกิดการเคลื่อนไหวเพื่อการ พัฒนาที่ยั่งยืน เขาได้จัดตั้งโครงการ actioncarbone.org. เพื่อ รณรงค์ให้แต่ละคน ช่วยกันลดและทดแทนปรากฏการณ์เรือนกระจก ที่ตนเองเป็นผู้ก่อออกมาในขณะประกอบกิจกรรมต่างๆ ด้วยการสนับ สนุนโครงการเพื่อพลังงาน ทดแทนโครงการการใช้พลังงานอย่างมี ประสิทธิผล หรือโครงการปลูกป่าทดแทน