21.8.50

Le petit déjeuner [เลอ เปอ-ติ เด-เชอ-เน] (n.m.) [le matin] : อาหารเช้า

โดยทั่วไปแล้ว ชาวฝรั่งเศสจะรับประทาน tartine (n.f) คือ ขนมปังทาเนย [pain beurré] (n.m.) กับแยม [confiture] (n.f.) หรือ นํ้าผึ้ง [miel] (n.m.) สำหรับเครื่องดื่ม จะดื่ม เครื่องดื่มร้อนๆ [boisson chaude] (n.f.) เช่น กาแฟ [café] (n.m.), ชา [thé] (n.m.), นม [lait] (n.m.) หรือ ช๊อกโกแลตร้อนๆ [chocolat chaud] (n.m.) ซึ่งจะดื่มในชาม [bol] (n.m.) หรือถ้วย [tasse] (n.f.) บางคนก็จะรับประทานธัญญาพืช [céréals] (n.f. pl.), ไข่ลวก [oeuf à la coque] (n.m.) และดื่มนํ้าผลไม้สดๆ [jus de fruits] (n.m) ส่วน ครัวซอง [croissant] (n.m.) ชาวฝรั่งเศสจะไปรับประทานที่ร้านกาแฟ [bistrot] (n.m.) หรือที่บ้านในโอกาสสำคัญเช่นวันอาทิตย์


Le déjeuner [เลอ เด-เชอ-เน] (n.m.) [entre 12 h et 14 h] : อาหารกลางวัน

โดยทั่วไปแล้ว อาหารมื้อกลางวันจะประกอบไปด้วย อาหารจานแรกหรืออาหารเรียกนํ้าย่อย [entrée] (n.f.) อาหารจานหลัก [plat] (n.m.) ที่เป็นเนื้อ [viande] (n.f.) หรือ ปลา [poisson] (n.m.) เคียงกับผัก [légume] (n.m.) ตามด้วยเนยแข็ง [fromage] (n.m.) หรือ ของหวาน [dessert] (n.m.) ซึ่งอาจจะเป็นผลไม้ หรือ โยเกิร์ต [yaourt] (n.m.) ก็ได้


Le goûter [เลอ กู๊ต-เต] (n.m.) [vers 16 h] : อาหารว่าง (ระหว่างมื้อกลางวันกับมื้อคํ่า)

เป็นอาหารมื้อเล็กๆสำหรับเด็กๆหลังเลิกเรียน (เพราะชาวฝรั่งเศสเริ่มรับประทานอาหารคํ่าค่อนข้างดึก ตั้งแต่ 19.30 ถึง 20.30) อาหารว่างนี้จะคล้ายกับอาหารเช้ามาก บ่อยๆแม่บ้านมักจะเตรียมขนมปังช๊อกโกแลต [pain au chocolat] (n.m.) หรือ ขนมปังก้อนนุ่มๆ [brioche] (n.f.) หรือไม่ก็ ขนมปังทาเนยและแยม [tartine] โดยอาจจะมีเครื่องดื่มร้อนๆเช่นช๊อกโกแลตร้อนๆด้วยก็ได้


Le dîner [เลอ ดิ-เน่] (n.m.) [le soir] : อาหารคํ่า


โดยทั่วไปแล้วจะเหมือนกับอาหารมื้อกลางวัน เพียงแต่ในฤดูหนาวอาจจะมีซุปหรือซุปนํ้าข้นจากผักเพิ่มขึ้น
[soupe] (n.f.) [potage] (n.m.)

และนี่แหละ ต้นกำเนิดของพิซซ่า

ชอบกินพิซซ่ากันไหมเอ่ย
มันเป็นอาหารที่กำลังฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองจริงๆ เนอะ
พี่ตินเห็นใครๆ ก็ชอบกิน ก็เลยคิดว่าต้องหาเรื่องของพิซซ่ามาเขียนหน่อยแล้ว
จะได้อินเทรนด์กับใครๆ เขาบ้าง แม้ว่าพี่ตินจะไม่ค่อยได้กินพิซซ่าเท่าไหร่ก็เถอะ (ก็มันแพงอะ)

สันนิษฐานว่าพิซซ่านั้น มาจาก "plakuntos" แป้งขนมที่โรยหน้าด้วยกระเทียม หัวหอม และสมุนไพรต่างๆ
ของชาวกรีก และต่อมา มันได้แพร่หลายเข้าไปในอิตาลี
ซึ่งพิซซ่าสไตล์อิตาเลียนแบบดั้งเดิมนั้นประกอบด้วยแผ่นขนมปัง
ที่ราดซอสมะเขือเทศ ชีส มีมะกอกและไส้กรอกเป็นท้อปปิ้ง
คำว่าพิซซ่านั้น ได้มาจากรากศัพท์ภาษาอิตาเลียน ที่แปลกว่า “a point”
ซึ่งพี่ตินก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกี่ยวอะไรกับพิซซ่าเนอะ

มาฟังกันต่อ...
ว่ากันว่าพิซซ่าเนี่ย คงจะเกิดขึ้นโดยชาวกรีก โรมัน หรือชาวอะไรก็ตาม
ที่เป็นผู้คิดค้นการนำแป้งมาผสมกับน้ำ แล้วนำไปทำให้มันแข็งตัวบนก้อนหินร้อนๆ
พิซซ่าเป็นอาหารยอดนิยมของชาวอิตาเลียนในช่วงยุคหิน
แต่ก็เป็นแค่การนำแผ่นแป้งกลมๆ และนำมาแบ่งกันกิน
ส่วนหน้าของมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามแต่ฤดูกาล
ซึ่งไอเดียการทำแผ่นแป้งเป็นวงกลมเกิดมาจากชาวกรีก
ในยุคแรก คนที่ชอบกินพิซซ่ามากๆ ก็คือพวกแรงงานนั่นเอง เพราะแผ่นแป้งนี้กินแล้วอิ่มท้องดี
และสะดวก สามารถพกพาไปที่ไหนก็ได้ ไม่ลำบากมากนัก




ต่อมา เมื่อปี 1889 Umberto I ราชาแห่งอิตาลี และราชินีของพระองค์ เดินทางไปที่เมืองเนเปิล
และเกิดอยากจะกินพิซซ่าขึ้นมา จึงให้พ่อครัวปรุงให้
พ่อครัวได้ปรุงพิซซ่าโดยใช้สีของธงอิตาเลียน นั่นคือพิซซ่าที่มีหน้าเป็นมอซซาเรลล่า ชีส
และมะเขือเทศ บวกกับมะกอก ซึ่งราชินีทรงพอพระทัยอย่างมาก
และต่อจากนั้น สูตรนี้ก็แพร่หลายทั่วเมืองเนเปิล ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งพิซซ่า

พิซซ่าส่งตรงเข้าสู่อเมริกาเมื่อประมาณปี 1900
เมื่อเข้าสู่ชิคาโก มันก็กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว
และได้มีการปรับสูตรของตัวเอง คือพิซซ่าสไตล์กะทะ ที่รูปทรงกลมมน และแผ่นแป้งหนาหนัก
กินแล้วอิ่ม ไม่เหมือนพิซซ่าแบบอิตาเลียน ที่จะบางเบา และกรอบมากกว่า

La chocolat thérapie

Les bienfaits du chocolat
Le chocolat est apprécié pour ses vertus toniques et thérapeutiques. Il contient des substances tonifiantes (caféine et sérotonine) et stimule la production d'endomorphines, substances qui engendrent la bonne humeur. D'autre part, le beurre de cacao, extrait des fèves, entre dans la composition des pommades destinées à guérir les plaies et brûlures.



La thérapie par le chocolat
Luxe, gourmandise, péché, volupté, douceur, le chocolat est plus qu'un aliment. C'est aussi une thérapie. Les indiens pensaient qu'en buvant du chocolat le matin, ils échapperaient aux dangers. En 1719, certaines espagnoles pensaient que le chocolat faisait maigrir, et s'en faisait servir en quantité industrielle. En fait, la lourdeur de la préparation leur coupait complètement l'appétit. En 1662, l'église prononça son jugement: le liquide ne rompt pas le jeûne. Le chocolat étant une boisson, ce breuvage se répandit dans les monastères, qui s'employèrent à perfectionner les méthodes pour le préparer. "Il faut préparer son chocolat la veille, pour qu'il soit onctueux, Dieu lui-même, ne pouvant être contre..." disait la mère supérieure du couvent de Belley, à Brillat Savarin. Le Vatican d'ailleurs était entièrement acquis au chocolat, et au XVIIIe siècle, les officiers du Vatican qui participaient aux cérémonies de canonisation recevaient du pape un paquet de chocolats dont le poids variait en fonction du grade. Balzac estimait que le chocolat permettait de maintenir plus longtemps les falcultés cérébrales. Goethe, fervent amateur de chocolat et grand voyageur déclarait: "quiconque a bu une tasse de chocolat résiste à une journée de voyage." Le chocolat, nourrissant et tonique, devient l'ultime déjeuner des gens de lettre.




Possédant tant de vertus revivifiantes, il n'est pas surprenant que chocolat soit le remède préféré des peines d'amour et des journées de cafard.

18.8.50

แคว้น22ของฝรั่งเศส

แคว้นทั้ง22ของฝรั่งเศส...แต่เดิมประเทศฝรั่งเศสมีชนดั้งเดิมมายึดครองอยู่คือชาว "Gaulois"พวกเขาได้เรียกประเทศฝรั่งเศสว่า LE GAULE
ILe-de-France ที่ตั้งอยู่ที่ Bassin Parisien อาหารประจำแคว้นได้แก่ เนย,สถานที่สำคัญของแคว้นได้แก่ Versailles ราชวังของพระเจ้าLouisXIV ปารีสเป็นเมืองหลวงของฝรั่งเศส Centre อยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้น Pays de Loire เป็นเมืองหลวงประจำแคว้นผลผลิตที่สำคัญ ได้แก่ พืช,ผักสวนครัว,องุ่น,ข้าวโพด Pays de Loire แคว้นนี้มีชายแดนทางตะวันตกติดกับแคว้น Bretagne ทิศตะวันออกติดกับแคว้น Centre ทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับที่ราบสูง มีเมืองหลวงชื่อว่า Nantes ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ ข้าวสาลี,ข้าวโพด,ไร่องุ่น ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญคือเหล้าองุ่นขาว แคว้นนี้มีปราสาทสวยงามมากมายที่สุดในฝรั่งเศส Bretagne เป็นแคว้นที่มีลักษณะเป็นแหลมยื่นไปในมหาสมุทรแอตแลนติค เป็นแคว้นเดียวในฝรั่งเศสที่ไม่มีการผลิตเหล้าองุ่น เนื่องจากสภาพอากาศไม่เหมาะสมที่จะปลูกองุ่น แต่มีการประมงเป็นหลักเพราะติดทะเล เมืองหลวงของแคว้นมีชื่อว่า Rennes ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ พืชไร่ที่เราเรียกว่า le cidre ขนมที่ขึ้นชื่อคือ Crepes เมืองท่าที่สำคัญมีชื่อว่า Brest ส่วน Saint-Malo เป็นเมืองเก่าแก่ของแคว้น La Basse-Normandieเป็นแคว้นที่มีชายฝั่งทะเลตะวันตกติดกับมหาสมุทรแอตแลนติค ชายฝั่งทางเหนือติดกับอ่าว Manche ทางตะวันออกเฉียงใต้ติดกับแคว้น Bretagne และทางทิศตะวันออกติดกับแคว้น Haute-Normandie เมืองหลวงประจำแคว้นชื่อ Caen ผลผลิตที่สำคัญคือ ข้าวสาลี,นม,การประมง สถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อ Le Mont-Saint-Michel เป็นโบสถ์โบราณเก่าแก่สถาปัตแบบโรมัน สร้างอยู่บนโขดหินใกล้ทะเล La Haute-Normandie มีเขตติดต่อกับแคว้น Basse-Normandie มีการผลิตเนยชั้นนำคุณภาพ และนำแอปเปิ้ลที่มีคุณภาพรสชาติอร่อย เมืองหลวงประจำแคว้นชื่อ Rouen Picardie เป็นแคว้นที่ค่อนไปทางเหนือของฝรั่งเศส มีเมือง Amiens เป็นเมืองหลวง ผลผลิตสำคัญคือ ข้าวสาลี,การเลี้ยงสัตว์,การปลูกหัวผักกาดหวาน Nord-Pas de Calais แคว้นนี้ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศฝรั่งเศส มีเมือง Lille เป็นเมืองหลวงประจำแคว้น เมืองนี้เป็นเมืองแรกที่มีรถไฟใต้ดินวิ่งป็นเมืองแรกในฝรั่งเศส แคว้นนี้ผลิตเบียร์อย่างมีคุณภาพ เนื่องจากภูมิประเทศเหมาะกับการปลูกข้าวสาลีและข้าวบาร์เล่ย์ Le Champagne แคว้นนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้น Picardie เมืองหลวงประจำแคว้นชื่อ Chalons-sur-Marne ผลผลิตสำคัญได้แก่ องุ่น,ข้าวสาลี,การเลี้ยงสัตว์ สถานที่สำคัญประจำแคว้นนี้คือ" โบสถ์เมือง Reims "ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมGothique Lorraine ที่ตั้งของแคว้นนี้อยู่ทางชายแดนประเทศเบลเยี่ยม,ประเทศลักเซมเบอร์กและประเทศเยอรมัน เมืองหลวงของแคว้นชื่อ Nancy ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ องุ่น,ข้าวสาลีและการเลี้ยงสัตว์ Alsace เป็นแคว้นที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้น Lorraine มีเมืองหลวงชื่อ Strasbourg ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ ข้างสาลี,องุ่น,ข้าวโพด,ยาสูบ เครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงประจำแคว้นได้แก่ เหล้าองุ่นขาวคุฌภาพเยี่ยม Franche-Comte แคว้นนี้ตั้งอยู่ระหว่างแคว้น Bourgogne และประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมืองหลวงชื่อว่า Besacon ผลผลิตสำคัญได้แก่ ข้าวสาลี,ขนมปัง,เครื่องเทศ นาฬิกาชั้นนำมักจะผลิตที่นี้เป็นสินค้าส่งออก อาหารดังประจำแคว้นเนื่องจากว่าแคว้นนี้ผลิตเบียร์ได้มากจึงมีเบียร์คุณภาพ,เนยคุณภาพดี La Bourgogne ตั้งอยู่ทางใต้ของแคว้น Champagne, อยู่ทางตะวันออกของ Pays de Loire ทางทิศตะวันตกของ Franche-Comte และทิศเหนือของแคว้น Rhone-Alpes เมืองหลวงชื่อ Dijon ผลผลิตสำคัญได้แก่ ข้าวสาลี,นม,เหล้าองุ่น อาหารดังประจำแคว้นมีชื่อว่า ไก่อบเหล้า,หอยทากอบ เหล้าองุ่นและเหล้าชนิดอื่นก็มีชื่อเสียงเช่นเดียวกันสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญคือ พระราชวังของดยุ๊ก Rhone-Alpes ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแคว้น Bourgogne และ Franche-comte เมืองหลวงมีชื่อว่า Lyon ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ องุ่น,การเลี้ยงสัตว์,ข้าวสาลี,ข้าวโพด L'Auvergne เป็นแคว้นที่มีภูเขาไฟ ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของแคว้น Limousin ทางทิศใต้ของแคว้น Bourgogne เมืองหลวงของแคว้นชื่อ Clermont-Ferrand ผลผลิตสำคัญได้แก่ ข้าวสาลี,ข้าวโพด,ข้าวบาร์เลย์ และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ โบสถ์ Notre-Dame Limousin เป็นแคว้นที่มีการเลี้ยงแกะ ทางทิศตะวันตกของแคว้นเป็นที่ราบสูงกว้างใหญ่ ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขา เมืองหลวงชื่อ Limoges ผลผลิตสำคัญประจำแคว้นได้แก่ การเลี้ยงสัตว์ประเภทวัว แพะ แกะ สินค้าประจำแคว้นได้แก่ เครื่องปั้นดินเผา,เครื่องเคลือบลายคราม Poitou-Charentes แคว้นนี้อยู่ทางทิศตะวันตกของแคว้น Limousin อยู่ทางทิศใต้ของแคว้น Centre เมืองหลวงของแคว้นชื่อ Poitiers สินค้าประจำแคว้นได้แก่ ข้าวสาลี,ข้าวโพด,การเลี้ยงสัตว์,องุ่น,เหล้า Aquitaine เป็นแคว้นที่ตั้งอยู่มีชายฝั่งออกติดกับแนวมหาสมุทรแอตแลนติค เมืองหลวงชื่อ Bordeaux สินค้าของแคว้นคือ องุ่น,ยาสูบ,ข้าวสาลี,ข้าวโพด,การเลี้ยงสัตว์ และผลิตเหล้าคุณภาพดีมีลูกพรุนรสชาติดีนิยมกันมาก Midi-Pyrenees ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้น Aquitain และอยู่ทางตอนใต้ของแคว้น Auverne เมืองหลวงชื่อ Toulouse ซึ่งแคว้นนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นเมืองที่มีการผลิตเครื่องบิน ผลผลิตที่สำคัญของแคว้นได้แก่ เนย,เนยแข็ง Lanquedoc-Roussillon เป็นแคว้นที่มีชายแดนติดต่อกับแคว้น Provence ทางตอนใต้ติดกับทะเลสาป เมืองหลวงชื่อ Montpellier ผลผลิตสำคัญประจำแคว้นคือ องุ่น,เหล้าไวน์ ,พืชผักสวนครัว,เหล้า สถานที่สำคัญได้แก่ Site เป็นเมืองท่าสำคัญ,เมือง Agen เป็นเมืองตากอากาศ Provence-Cote d'Azur ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและชายแดนติดกัยอิตาลี เมืองหลวงของแคว้นชื่อ Marseille ผลผลิตที่สำคัญคือการปลูกดอก lavande ,การปลูกไร่องุ่น,การเพาะปลูกพืชผักสวนครัว Corse แคว้นนี้ลักษณะเป็นเกาะอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนใต้ของเมืองนีช เมืองหลวงชื่อ Ajaccio ผลผลิตสำคัญได้แก่ ลูกเกาลัด,องุ่น,ผลไม้,ผลิตภัณฑ์เนื้อสุกร,เนยแข็งจากนมแกะ,เหล้าองุ่นแดงและชมพู ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งเด่นของแคว้นCorse

Lexique de l'actualité sur RFI [คำศัพท์จากข่าวฝรั่งเศส]

1.diplomate (n.) : นักการทูต]
2.dirigeant (n.m.) : ผู้นำประเทศ
3.dénoncer (v.) : ประณาม, กล่าวโทษ
4.déarmement (n.m.) : การปลดอาวุธ, การวางอาวุธ
5.décret (n.m.) : คำประกาศ, คำสั่ง
6 .délégation (n.f.) : คณะผู้แทน (เจรจา...)
7.déclencher (v.) : ทำให้คลาย, ลั่นไก, เริ่ม(รุกรบ)
8.déroulement (n.m.) : การดำเนินไปของ(เหตุการณ์ ...) / se dérouler = (เหตุการณ์) ดำเนินไป, คลี่คลาย
9.mandat (n.m.) : วาระที่อยู่ในตำแหน่ง / mandat d'arrêt = หมายจับ
10. mesure (n.f.) : มาตรการ / prendre une mesure = ใช้มาตรการ
11. milicien (n.m.) : ทหารอาสาสมัคร
12.meeting (n.m.) : การประชุม
13.mobilisation (n.f.) : การชุมนุมเคลื่อนไหวเรียกร้อง หรือรณรงค์ / (se) mobiliser (v.) = รวมตัวเคลื่อนไหว
14. maison mère (n.f.) : บริษัทแม่, สำนักงานใหญ่ = siège social
Les temps de l' indicatif
Le passé récent & Le passé composé
Le passé récent
การใช้ : Le passé récent ใช้บอกเล่าหรือบรรยายเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงไป
- Le train vient d' entrer en gare. Les passagers en descendent. (รถไฟเพิ่งเข้าสู่สถานี ผู้โดยสารกำลังลงจากรถไฟ)
- Vous voulez un café ? (คุณต้องการกาแฟสักถ้วยไหม)
+ Non, merci. je viens d' en prendre. (ไม่หรอกครับ ขอบคุณ ผมเพิ่งจะดื่มมา)
รูปแบบ : Le passé récent สร้างโดยใช้ verbe "venir de" ในรูป présent + infinitif :
Je viens de déjeuner.
Tu viens de rentrer ?
Il / Elle vient de sortir.
Nous venons de commencer.
Vous venez d' écouter France-Inter.
Ils / Elles viennent d' entrer en classe.
Le passé composé
การใช้ :
1. บอกเล่าหรือบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและจบลงไปเรียบร้อยแล้ว
- Je suis née le 20 mars 1987. (ดิฉันเกิดวันที่ 20 มีนาคม 2530)
- L' année dernière, j' ai acheté une nouvelle voiture. (เมื่อปีที่แล้วฉันซื้อรถใหม่คันหนึ่ง)
- Est-ce que tu lui as téléphoné ? (เธอโทรศัพท์ถึงเขาแล้วหรือยัง)
2. บอกเล่าหรือบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่มีผลมาถึงปัจจุบัน
- Elle n'a plus d'argent; elle a tout dépensé. (หล่อนไม่มีเงินเหลืออีก หล่อนใช้มันไปหมดแล้ว)
- Elle est tombée. Elle a mal aux genoux. (หล่อนหกล้ม หล่อนเจ็บหัวเข่า)
3. ใช้ตามหลัง "si" ในประโยคที่บอก เงื่อนไข หรือ สมมุติฐาน
- Si tu as fini tes devoirs, tu pourras regarder la télévision. (ถ้าเธอทำการบ้านเสร็จแล้ว เธอก็ดูโทรทัศน์ได้)
- Si vous ne vous êtes pas encore inscrit(e), dépêchez-vous de le faire. (หากคุณยังไม่ไดสมัคร ก็ต้องรีบเร็วเข้า)
รูปแบบ : เราใช้กริยาช่วย (auxiliaire) "avoir" หรือ "être" ในรูป présent + participe passé
"avoir" ใช้กับ verbe ส่วนใหญ่ :
J' ai bien mangé. [inf. = manger]
Tu as fini ton travail ? [inf. = finir]
Il a eu un accident. [inf. = avoir]
Elle a été malade. [inf. = être]
Nous avons dîné dans un bon restaurant. [inf. =dîner]
Vous avez appris l' anglais ? [inf. = apprendre]
Ils ont fait beaucoup de photos. [inf. = faire]
Elles ont mis leur plus belle robe. [inf. = mettre]
ในประโยคปฎิเสธ " ne ............. pas " ครอบกริยาช่วย "avoir"
- Je n' ai pas trouvé sa maison.
- Tu n' as pas fini ?
participe passé ของกริยาแท้ไม่ทำ accord (ไม่เปลี่ยนรูป) ให้สัมพันธ์กับเพศและพจน์ของประธานเมื่อใช้กับ verbe "avoir"
"être" :
1. ใช้กับ verbes ต่อไปนี้ :
aller[allé] - venir[venu] - revenir[revenu] - arriver[arrivé] - partir[parti] - passer[passé]
entrer[entré] - rentrer[rentré] - sortir[sorti] - tomber[tombé] - rester[resté] - retourner[retourné]
monter[monté] - descendre[descendu] - naître[né] - mourir[mort]
- Je suis allé(e) au cinéma hier soir.
- Tu es allé(e) au cinéma hier soir ?
- Il est allé au cinéma hier soir.
- Elle est allée au cinéma hier soir.
- Nous sommes allés(es) au cinéma hier soir.
- Vous êtes allé(e)(es)(s) au cinéma hier soir ?
- Ils sont allés au cinéma hier soir.
- Elles sont allées au cinéma hier soir.
participe passé ของกริยาแท้ต้องทำ accord (เปลี่ยนรูป) ให้สัมพันธ์กับเพศและพจน์ของประธาน
(เติม e สำหรับเพศหญิง - เติม s สำหรับพหูพจน์เพศชาย - เติม es สำหรับพหูพจน์เพศหญิง) เมื่อใช้กับ verbe "être"
สำหรับ verbe : monter, descendre, entrer(rentrer), sortir, passer, retourner : เมื่อตามด้วยกรรมตรง
(complément d' objet direct) ต้องใช้ verbe "avoir" ช่วยในการทำเป็น passé composé
- Elle est passée chez moi hier. (หล่อนแวะมาบ้านฉันเมื่อวาน)
- Elle a passé de bonnes vacances au bord de la mer. (หล่อนใช้เวลาช่วงวันหยุดอย่างมีความสุขที่ชายทะเล)
ในประโยคปฎิเสธ " ne ............. pas " ครอบกริยาช่วย "être"
- Je ne suis pas sorti hier.
- Il n' est pas venu en classe hier.
2. Verbe pronominal ทุกตัว ใช้กับ verbe "être" เมื่อเป็น passé composé
Je me suis lavé.
Tu t' es amusé ?
Il s' est réveillé ?
Elle s' est promenée.
Nous nous sommes disputés.
Vous vous êtes fâchés avec vos copains ?
Ils se sont intéressés à la peinture.
Elles se sont rencontrées dans une fête.
ในประโยคปฎิเสธ " ne ............. pas " ครอบทั้ง สรรพนาม และ กริยาช่วย "être"
- Je ne me suis pas amusé à la fête d' hier soir.
- Elle ne s' est pas fâchée contre toi !
participe passé ของกริยารูป pronominal ต้องทำ accord (เปลี่ยนรูป) ให้สัมพันธ์กับเพศและพจน์ของประธาน
(เติม e สำหรับเพศหญิง - เติม s สำหรับพหูพจน์เพศชาย - เติม es สำหรับพหูพจน์เพศหญิง) เมื่อใช้กับ verbe "être"
ยกเว้นเมื่อมีกรรมตรงตามมา หรือโครงสร้างของกริยา pronominal เป็น กรรมรอง
- Sabine s' est lavée. (ทำ accord) [ซาบิ้นอาบนํ้า]
- Sabine s' est lavé les cheveux. (ไม่ทำ accord เพราะมีกรรมตรง "les cheveux" ตามมา) [ซาบิ้นสระผม]
- Sabine et sa copine se sont téléphoné pendant 2 heures ! [ซาบิ้นกับเพื่อนโทรศัพท์ถึงกันเป็นเวลาตั้ง
2 ชั่วโมง]
(ไม่ทำ accord เพราะโครงสร้างของกริยา pronominal เป็น กรรมรอง : Sabine téléphone à sa copine และ
Sa copine téléphone à Sabine)