มันเป็นอาหารที่กำลังฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองจริงๆ เนอะ
พี่ตินเห็นใครๆ ก็ชอบกิน ก็เลยคิดว่าต้องหาเรื่องของพิซซ่ามาเขียนหน่อยแล้ว
จะได้อินเทรนด์กับใครๆ เขาบ้าง แม้ว่าพี่ตินจะไม่ค่อยได้กินพิซซ่าเท่าไหร่ก็เถอะ (ก็มันแพงอะ)
สันนิษฐานว่าพิซซ่านั้น มาจาก "plakuntos" แป้งขนมที่โรยหน้าด้วยกระเทียม หัวหอม และสมุนไพรต่างๆ
ของชาวกรีก และต่อมา มันได้แพร่หลายเข้าไปในอิตาลี
ซึ่งพิซซ่าสไตล์อิตาเลียนแบบดั้งเดิมนั้นประกอบด้วยแผ่นขนมปัง
ที่ราดซอสมะเขือเทศ ชีส มีมะกอกและไส้กรอกเป็นท้อปปิ้ง
คำว่าพิซซ่านั้น ได้มาจากรากศัพท์ภาษาอิตาเลียน ที่แปลกว่า “a point”
ซึ่งพี่ตินก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกี่ยวอะไรกับพิซซ่าเนอะ
มาฟังกันต่อ...
ว่ากันว่าพิซซ่าเนี่ย คงจะเกิดขึ้นโดยชาวกรีก โรมัน หรือชาวอะไรก็ตาม
ที่เป็นผู้คิดค้นการนำแป้งมาผสมกับน้ำ แล้วนำไปทำให้มันแข็งตัวบนก้อนหินร้อนๆ
พิซซ่าเป็นอาหารยอดนิยมของชาวอิตาเลียนในช่วงยุคหิน
แต่ก็เป็นแค่การนำแผ่นแป้งกลมๆ และนำมาแบ่งกันกิน
ส่วนหน้าของมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามแต่ฤดูกาล
ซึ่งไอเดียการทำแผ่นแป้งเป็นวงกลมเกิดมาจากชาวกรีก
ในยุคแรก คนที่ชอบกินพิซซ่ามากๆ ก็คือพวกแรงงานนั่นเอง เพราะแผ่นแป้งนี้กินแล้วอิ่มท้องดี
และสะดวก สามารถพกพาไปที่ไหนก็ได้ ไม่ลำบากมากนัก
ต่อมา เมื่อปี 1889 Umberto I ราชาแห่งอิตาลี และราชินีของพระองค์ เดินทางไปที่เมืองเนเปิล
และเกิดอยากจะกินพิซซ่าขึ้นมา จึงให้พ่อครัวปรุงให้
พ่อครัวได้ปรุงพิซซ่าโดยใช้สีของธงอิตาเลียน นั่นคือพิซซ่าที่มีหน้าเป็นมอซซาเรลล่า ชีส
และมะเขือเทศ บวกกับมะกอก ซึ่งราชินีทรงพอพระทัยอย่างมาก
และต่อจากนั้น สูตรนี้ก็แพร่หลายทั่วเมืองเนเปิล ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งพิซซ่า
พิซซ่าส่งตรงเข้าสู่อเมริกาเมื่อประมาณปี 1900
เมื่อเข้าสู่ชิคาโก มันก็กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว
และได้มีการปรับสูตรของตัวเอง คือพิซซ่าสไตล์กะทะ ที่รูปทรงกลมมน และแผ่นแป้งหนาหนัก
กินแล้วอิ่ม ไม่เหมือนพิซซ่าแบบอิตาเลียน ที่จะบางเบา และกรอบมากกว่า
และเกิดอยากจะกินพิซซ่าขึ้นมา จึงให้พ่อครัวปรุงให้
พ่อครัวได้ปรุงพิซซ่าโดยใช้สีของธงอิตาเลียน นั่นคือพิซซ่าที่มีหน้าเป็นมอซซาเรลล่า ชีส
และมะเขือเทศ บวกกับมะกอก ซึ่งราชินีทรงพอพระทัยอย่างมาก
และต่อจากนั้น สูตรนี้ก็แพร่หลายทั่วเมืองเนเปิล ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งพิซซ่า
พิซซ่าส่งตรงเข้าสู่อเมริกาเมื่อประมาณปี 1900
เมื่อเข้าสู่ชิคาโก มันก็กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว
และได้มีการปรับสูตรของตัวเอง คือพิซซ่าสไตล์กะทะ ที่รูปทรงกลมมน และแผ่นแป้งหนาหนัก
กินแล้วอิ่ม ไม่เหมือนพิซซ่าแบบอิตาเลียน ที่จะบางเบา และกรอบมากกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น